สถานที่ที่สำคัญของทวีปเอเชีย ซึ่งได้มีดังต่อไปนี้
2. นครต้องห้าม ประเทศจีน
3. พระพุทธรูปคามากุระ ประเทศญี่ปุ่น
4. พระราชวังเครมลิน ประเทศรัสเซีย
5. พระราชวังโปตาลา ประเทศธิเบต
6. ภูเขาไฟฟูจิยามา ประเทศญี่ปุ่น
7. เจดีย์ชเวดากอง ประเทศเมียร์ม่า
8. บุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย
9. ยอดเขาเอเวอร์เรสต ประเทศเนปาล
1. กำแพงน้ำตกกรุงเยรูซาเลม ^^
เป็นที่กำเนิดของพระเยซูเจ้าและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคนคริสเตียนและยิว ตั้งอยู่ที่ประเทศอิสราเอลและเคยเป็นสถานที่ที่ทำสงครามเพื่อแย่งชิงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระหว่างมุสลิมกับคริสเตียน เพื่อรำลึกถึงบรรพบุรุษของตนที่ต้องอพยพไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ ทำให้ชาวยิวต่างพากันมาร้องไห้เป็นประจำที่กำแพงนี้ทุกวันศุกร์
2. นครต้องห้าม ^^
ตั้งอยู่ที่ประเทศจีนกลางกรุงปักกิ่ง โดยจักรพรรดิกุบไลข่านเป็นผู้สร้างเพื่อใช้ว่าราชการ เป็นที่ประทับพักผ่อนส่วนพระองค์มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีลานกว้างไว้ให้ทหารเดินสวนสนามและมีกำแพงสูงล้อมรอบ จึงทำให้คนที่อยู่ข้างในโดนตัดการติดต่อจากคนภายนอก ต่อมาจีนได้เปิดให้เข้าชมเนื่องจากเปลี่ยนระบบการปกครองเป็นแบบสังคมนิยม(คอมมิวนิสต์)
3. พระพุทธรูปคามากุระ ^^
เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่มีชื่อว่า ไดบุตซุ ซึ่งหล่อด้วยทองบรอนซ์มีน้ำหนักถึง 90 ตัน สูง 40 ฟุต มีพระเนตรที่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์และจุดตรงกลางเป็นโลหะเงิน สร้างเมื่อค.ศ.1252 เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหารแต่เนื่องจากแผ่นดินไหวเลยทำให้วิหารพังลง จึงได้ตั้งอยู่กลางแจ้งจนปัจจุบัน และเป็นพระพุทธรูปที่เคารพนับถือมากในประเทศญี่ปุ่น
4. พระราชวังเครมลิน กรุงมอสโค ^^
ตั้งอยู่ที่ประเทศรัสเซียกรุงมอสโค สร้างอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำมอสควา ภายในมีพระราชวัง หอคอยและป้อมปราการ ซึ่งในอดีตเป็นที่ประทับของพระเจ้าซาร์กษัตริย์แห่งราชวงศ์รัสเซีย แต่ได้ถูกปฏิวัติเป็นคอมมิวนิสต์และได้ใช้เป็นที่ทำการรัฐบาล เครมลินเป็นชื่อของนักการเมือง พอระบบสังคมนิยมล่มสลายเป็นประชาธิปไตยก็ได้เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวจนถึงปัจจุบัน
5. พระราชวังโปตาลา เมืองลาซา ^^
ตั้งอยู่ที่ประเทศทิเบตเมืองลาซา บนยอดเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล 11,830 ฟุต มีความยาวและกว้างด้านละ 900 ฟุต อาคารสร้างแบบป้อมขนาดใหญ่มีกำแพงก่อเป็นชั้นๆ ซึ่งเป็นที่ประทับขององค์ดาไลลามะประมุขศาสนาพุทธฝ่ายมหายาน แต่ในปัจจุบันถูกปกครองโดยจีน ทำให้องค์ดาไลลามะต้องลี้ภัยมาอยู่ที่ประเทศอินเดีย และสถานที่นี้ได้เป็นพระราชวังต้องห้ามด้วย
6. ภูเขาไฟฟูจิยามา ^^
ุเป็นภูเขาไฟที่ดับลงแล้วและสวยงามใที่สุดในโลกตั้งอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นเมืองชิซูโอกะ เป็นรูปฝาชีครอบที่ฐานวัดโดยรอบได้ประมาณ 100 กิโลเมตร ยอดสูง 12,385 ฟุต มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี และบริเวณภูเขาไฟมีสวนสาธารณะ ทะเลสาบ ต้นซากุระที่สวยงามตอนออกดอกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญ และก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น
7. เจดีย์ชเวดากอง ^^
สถานที่ตั้ง ประเทศ พม่าปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ "ชเว" คือ ทอง ส่วน "ดากอง" คือชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง สมัยที่พระเจ้าอลองพญาสถาปนาเมืองเล็กริมฝั่งแม่น้ำแห่งนี้ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2298 กล่าวกันว่า "ทอง" แห่งมหาเจดีย์มหาศาลกว่าทองในธนาคารแห่งอังกฤษ ซึ่งน้อยคนปฏิเสธความเป็นไปได้ ประวัติความเป็นมาของมหาเจดีย์องค์สำคัญนี้ ที่มีผู้ค้นคว้าและบันทึกไว้อย่างน่าอ่านก็คือ ข้อมูลจากหนังสือ "พม่า" ในชุด "หน้าต่างสู่โลกกว้าง" ตามตำนานกว่า 2,500 ปี ของเจดีย์แห่งนี้กล่าวไว้ว่าเป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุทั้งแปดเส้นของพระพุทธเจ้า และพระบริโภคเจดีย์ของพระอดีตพระพุทธเจ้าทั้งสามองค์ องค์สถูปหุ้มด้วยทองคำทั้งหมด 8,688 แท่ง แต่ละแท่งมีค่ามากกว่า 400 ยูเอสดอลลาร์ มีมรกตเม็ดเขื่องอยู่ตรงกลาง เพื่อรับลำแสงแรกและลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ เจดีย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยพวก บะกัน เรื่องอำนาจ พระเจ้าอโนรธา เป็นแบบอย่างให้กษัตริย์รุ่นหลัง ๆ ทรงประพฤติปฏิบัติตาม ทั้งนี้เพราะพายุลมฝนในช่วงมรสุมนั้นโหมแรง จนทำให้แผ่นทองคำชำรุดหลุดร่วงลงมาอยู่บ่อย ๆ พระเจ้าธรรมเซดี ผู้สืบราชสมบัติต่อจากพระนางก็ได้ทรงบริจาคทองคำหนักเป็นสี่เท่าของน้ำหนักพระองค์เอง เพื่อบูรณะซ่อมแซมพระเจดีย์ ในปี พ.ศ.2028 พระเจ้าธรรมเซดีทรงสร้างศิลาจารึกสามหลังเอาไว้บนบันไดด้านตะวันออกของเจดีย์ชเวดากอง บอกเล่าประวัติของเจดีย์เป็นภาษามอญ พม่า และบาลี จารึกนั้นยังคงมีให้เห็นอยู่จนทุกวันนี้ เจดีย์ชเวดากองตกอยู่ภายใต้การยึดครองของอังกฤษนานถึง 77 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2395-2472 แต่ชาวพม่าก็ยังสามารถเข้ามาสักการะเจดีย์ได้ ในปี พ.ศ.2414 พระเจ้ามินดง แห่งมัณฑะเลย์ ทรงส่งฉัตรฝังเพชรอันใหม่มาถวายเป็นพุทธบูชา มีการจัดงานฉลองและมีชาวพม่ากว่าแสนคนมาเที่ยวชมงาน พระองค์จึงทรงถือโอกาสนี้ปรารถนาเรื่องเอกราชของพม่า สร้างความไม่พอใจให้กับอังกฤษเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ช่วงศตวรรษที่ 20 มีภิบัติทางธรรมชาติเกิดขึ้นกับพม่าหลายครั้ง โดยเริ่มจากปี พ.ศ.2473 เกิดแผ่นดินไหวขึ้น แต่ก็สร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในปี พ.ศ.2474 เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่จากฐานบันไดทางทิศตะวันตก ลุกลามต่อไปยังปีกด้านเหนือ ดชคดีที่ดับไฟได้เสียก่อน แต่ก็ได้เผาผลาญศาสนสถานสำคัญไปไม่น้อย ในปีพ.ศ.2513 เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง นับเป็นภัยแผ่นดินไหวครั้งที่ 9 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ส่งผลให้ทางภาครัฐต้องจัดทำโครงพิเศษเพื่อเสริมยอดเจดีย์ให้แข็งแรงขึ้น เมื่อใดก็ตามที่เจดีย์แห่งนี้ชำรุดเสียหายก็จะได้รับการบูรณะให้งดงามรุ่งโรจน์ยิ่งกว่าเดิม เจดีย์ชเวดากองสัญลักษณ์ของประเทศพม่าตั้งแยู่บนเนินเขาเชียงกุตตระ สามารถมองเห็นได้จากทุกมุมเมือง เพราะสูงเด่นเป็นสง่า ข้อสำคัญไม่มีตึกหรืออาคารสูงมาตั้งบดบังได้ นอกจากสถูปทองที่ส่องอร่ามไปทั่วแล้ว ยังมีองค์ประกอบโดยรวมอีก ตั้งแต่ประตูทางขึ้นสู่บันไดทั้ง 4 ทิศที่ใหญ่โตมโหฬาร ตัวหลังคาระเบียงวัดที่ทอดขึ้นสู่ฐานขององค์เจดีย์ก็มีลวดลายสลักเสลาเหมือนปราสาทลดหลั่นกันเป็นชั้น ๆ บริเวณโดยรอบของทางเข้าทางทิศใต้ ซึ่งเป็นทางขึ้นสู่เจดีย์ชเวดากองที่ผู้คนนิยมใช้กัน มีบันไดทั้งหมด 104 ขั้น ทอดขึ้นสู่บริเวณลานของเจดีย์ ตามสองข้างทางบันได เต็มไปด้วยร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจากทางวัดให้เข้ามาตั้งแผงขายของให้กับผู้คนที่มาสักการะบูชาด้วยความเลื่อมใส สินค้าส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการทำบุญและก็มีสินค้าที่ระลึกวางขายด้วย หน้าบริเวณทางเข้ามีรูปปั้นสัตว์ในตำนวนปรัมปราสองตัวทำหน้าที่เป็นทวารบาลคือ ชินเต้ หรือสัตว์ครึ่งสิงโตครึ่งนก เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สีหปักษีทวารบาล และ ยักษ์ทวารบาล รายรอบด้วยเจดีย์องค์เล็กองค์น้อย
8. บุโรพุทโธ ^^
สถานที่ตั้ง บนเนินสูงของเกาะชวาภาคกลาง ประเทศอินโดนีเซีย ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ บุโรพุทโธ ( Borobudur ) พุทธสถานอันศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8-9 โดยกษัตริย์ราชวงศ์ไศเลนทร ตั้งอยู่บนเนินสูงของเกาะชวาภาคกลาง ห่างจากเมืองยอกยากาตาร์ ( Yogyakata ) ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 40 กิโลเมตร ถือเป็นโบราณสถาานขนาดใหญ่ และเป็นศูนย์รวมแห่งความภาคภูมิใจของชาวอินโดนิเซีย และชาวพุทธทุกคน ซึ่งหวังจะไปแสวงบุญสักครั้งหนึ่งในชีวิต เจดีย์บุโรพุทโธรูปทรงดอกบัวนี้ก่อสร้างตามแบบศิลปะฮินดู-ชวา หรือศิลปะชวาภาคกลางที่ผสมผสาานระหว่างอินเดียและอินโดนีเซียได้อย่างกลมกลืนที่สุด บุโรพุทโธเปรียบเป็นศูนย์กลางของจักรวาลซึ่งแบ่งเป็น 3 ชั้น ส่วนฐานของเจดีย์ประกอบด้วยขั้นบันไดใหญ่ 4 ขั้น รอบ ๆ เป็นรูปสี่เหลี่ยม กำแพงรอบฐานมีภาพนูนตำไม่น้อยกว่า 160 ภาพส่วนนี้อยู่ในขั้นกามาธาตุ หรือขั้นตอนที่มนุษย์ยังผูกพันอย่างใกล้ชิดกับความสุขความร่ำรวยทางโลก ส่วนที่สอง คือส่วนบนของฐานที่มีบันไดรูปกลม ฐาน 6 ชั้นที่มีรูปสลักนูนต่ำเกือบ 1,400 ภาพที่แสดงพุทธประวัติ ถือเป็นขั้นรูป ธาตุ คือขั้นตอนที่มนุษย์หลุดพ้นจากกิเลสทางโลกมาได้บางส่วน ส่งวนที่สามคือส่วนของฐานกลมที่มีเจดีย์เล็ก ๆ 3 ขั้นล้อมรอบสถูปองค์ใหญ่ทึ่สุดที่หมายถึงจักรวาล คือขั้นอรูปธาตุ ที่มนุษย์ไม่ผูกพันกับทางโลกอีกต่อไป ปัจจุบันบุโรพุทโธจัดเป็นมรดกของยูเนสโกที่มีความลี้ลับมหัศจรรย์ทั้งทางด้านการก่อสร้างสถาปัตยกรรมรูปทรงภายนอก และมหัศจรรย์ในด้านสัญลักษณ์และความหมายที่รอให้มนุษย์ได้ศึกษาตีความกันต่อไป
9. ยอดเขาเอเวอร์เรสต์ ^^
สถานที่ตั้ง เทือกเขาหิมาลัย ประเทศ เนปาล ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก คือ ยอดเขาเอเวอร์เรสต์ (Everest) สูง 8848 เมตร (29,028 ฟุต) จุดสูงสุดของโลกตั้งอยู่บนรอยต่อระหว่างเนปาลและทิเบต ชาวเนปาลเรียกยอดเขานี้ว่า สการ์มาถา (Sagarmatha-ยอดเขาพระสมุทร) ส่วนชาวทิเบตเรียก โชโมลุงกะมา (Chomolungma-พระแม่เจ้า) ส่วนชื่อภาษาอังกฤษมาจากนายพลนักสำรวจชาวอังกฤษ จอร์จ เอเวอร์เรสต์ (George Everest) ซึ่งมาปฏิบัติงานในอินเดียราวช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แต่นักปีนเขาคณะแรกที่สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ได้สำเร็จก็คือ เซอร์เอ็ดมันด์ ฮิลลารี (Sir Edmund Hillary) ชาวนิวซีแลนด์ และเตนจิง นอร์เก (Tenzing Norgay) ชาวเชอร์ปา เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1953
**********************
ขอขอบคุณแหล่งที่มานี้ด้วยน้ะค้ะ
http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/4-5/no02-07/place.html
^^ ^^ ^^ ^^ ^^ ^^